หลอดเลือดตีบ
เป็นการตีบของ carotid artery หลอดเลือดแดงนี้เป็นหลอดเลือดหลักที่นำเลือดที่มีออกซิเจนไปสมอง. หลอดเลือดตีบเกิดขึ้นใน 5 ใน 1,000 ในคน 50 - 60 ปีและ พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ 100 จาก 1,000 คนแก่กว่า80
สาเหตุ
สาเหตุมักเกิดจากการสะสมของไขมันที่เรียกว่า plaques (ในหลอดเลือด) สาเหตุที่พบได้น้อยกว่าคือหลอดเลือดโป่งพอง การอักเสบของหลอดเลือดแดง (arteritis) และการแตก (dissection) ของ หลอดเลือด carotid Fibromuscular dysplasia ความเสียหายของเนื้อเยื่อหลังการฉายรังสี (เนื้อร้ายหลังฉายรังสี) และอาการหดเกร็งของหลอดเลือด ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ความดันโลหิตสูงค่าไขมันสูง เบาหวาน และการสูบบุหรี่
อาการ
คนส่วนใหญ่มักไม่มีอาการใด ๆ จนกว่าระดับการตีบรุนแรง และอาจพบหลอดเลือดสมองตีบที่เรียกว่าขาดเลือดชั่วคราว (TIAs) TIA ส่วนใหญ่มีอาการน้อยกว่า 10นาที เกิดจากการที่เลือดไหลเวียนไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของสมองจะหยุดชั่วขณะหนึ่ง อาการขึ้นอยู่กับว่าหลอดเลือดแดงใดได้รับผลกระทบ อาการทั่วไปของ TIA ได้แก่อ่อนแรงหรือชาที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้าหรือลำตัว (ใบหน้า แขน ขา) การมองเห็นเปลี่ยนไป สับสน พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ และมีปัญหาในการกลืนด้วย
การวินิจฉัย
แพทย์ทำการวินิจฉัยจากแพทย์ประวัติและการตรวจระบบประสาทอย่างระมัดระวัง ตรวจร่างกายจากการฟังหลอดเลือดแดง carotid ด้วยstethoscopeเสียงจากการ ไหลเวียนของเลือดผิดปกติที่เรียกว่า carotid bruit การทดสอบทางห้องแล็บเพื่อวัดระดับไขมัน (คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์) และวัดระดับน้ำตาลในเลือดและแพทย์ตรวจอัลตราซาวนด์ของหลอดเลือดแดงเพื่อประเมินระดับความตีบของหลอดเลือดcarotid การฉีดสีหลอดเลือด angiography และ magnetic resonance angiography (MRA) อาจจำเป็นก่อนการผ่าตัดเพื่อประเมินและดูตำแหน่งของหลอดเลือดก่อนการผ่าตัดโดยแพทย์เฉพาะทางประสาทวิทยา ศัลยแพทย์หลอดเลือด)
การรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับระดับของการตีบและอาการ สามารถรักษาด้วยยาหรือผ่าตัด รวมถึงการลดความเสี่ยง (การเลิกบุหรี่ การควบคุมระดับไขมันในเลือดสูงและเบาหวาน) และแอสไพรินขนาดต่ำ (81 หรือ 325 มก. ต่อวัน) ผ่าตัดหลอดเลือดตีบเรียกว่า carotid endarterectomy (CEA) มักทำในคนที่มีอาการและหลอดเลือดตีบ 70% ถึง 99% ในคนที่มีอายุขัยมากกว่า 5 ปี ศัลยแพทย์ที่ทำ CEA มีบทบาทสำคัญในการกำหนดความสำเร็จของการผ่าตัด
สิ่งที่ควรทำ
ควรกินอาหารที่มีผักผลไม้และถั่ว จำกัดไขมัน ไม่กินอาหารแปรรูป
คำเตือน
!!! ห้ามเพิกเฉยต่ออาการ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงหลัง การรักษาหรือมีอาการใหม่
!!! ห้ามหยุดรับประทานยาหรือเปลี่ยนขนาดยา แม้รู้สึกดีขึ้นเว้นแต่แพทย์อนุญาต
!!! ห้ามใช้ยาใด ๆ (รวมทั้งที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์และผลิตภัณฑ์สมุนไพร) โดยไม่ปรึกษาแพทย์
!!! ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบเพราะมีความเสี่ยงหลอดเลือดตีบในสมอง